สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน^_^
การได้มาซึ่งความพิการทำให้ชีวิตเธอต้องพบเจอกับอะไรมากมาย
หญิงสาวผู้น่ารักที่ร่างกายครบ 32 ประการ
ไม่เคยคิดว่าตัวเธอต้องมาเปลี่ยนชีวิตเป็นหญิงที่ร่างกายไม่ครบ 32 ประการ การไม่ครบ 32 ประการทำให้ได้มาซึ่งความพิการ ความพิการทำให้เธอต้องพบเจอกับอะไรมากมายในชีวิต
ชีวิตของเธอจะพบเจออะไรบ้าง ขอให้ท่านผู้อ่านลองติดตามดู
ท่านจะได้เห็นชีวิตใหม่ของเธอ ชีวิตของเธอต้องดิ้นรนมากกว่าคนปกติเป็นเท่าตัว ตัวเธออยากเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นเพื่ออยากให้คนที่กำลังหมดหวัง
ท้อแท้ ได้มีกำลังใจและมีพลังในการใช้ชีวิต
และอยากให้ท่านผู้อ่านได้เห็นหลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึกของตัวเธอ
พร้อมทั้งอารมณ์ ความรู้สึกของคนคนรอบข้างที่มีต่อตัวเธอ
หวังว่านิยายเรื่องนี้จะมีประโยชน์สำหรับทุกท่าน
ขอขอบคุณทุกท่านที่เเวะเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ ขอขอบคุณความพิการที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยายเรื่องนี้
และที่สำคัญขอขอบคุณ บิดา มารดา และทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้
ชีวิตใหม่ของหญิงสาวที่เธอต้องสู้ชีวิต(ผู้เคยมีอวัยวะครบ 32)
วันที่จะได้มาซึ่งความพิการ
เธอหญิงสาวที่มีหน้าตาน่ารัก
ผมสีดำ ตาเล็ก แววตาใส จุดเด่นที่ใบหน้ามีไฝสีดำที่ปีกจมูกด้านซ้าย และจุดเด่นที่เพื่อนๆบอกเธอและใครๆเห็นจะบอกว่าไม่เหมือนใคร คือที่คอของเธอเป็นปล้องๆเห็นได้ชัดเจน เธอมีสีผิวสองสี เธอเป็นหญิงสาวที่อัธยาศัยดี พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส
เพื่อนสนิทของเธอจะชอบบอกเธอว่า เธอผู้รู้จักกับคนไปทั่วคณะ (เธอมีเพื่อนอยู่ทุกคณะ) เธอหญิงสาวนักศึกษาที่รับทุนของสมาคมศิษย์เก่าคณะเกษตรศาสตร์
เธอเป็นสาวคณะเกษตรศาสตร์ สาขากีฏวิทยา ของมหาลัยหนึ่ง หญิงสาวที่กาลละครั้งหนึ่งเป็นผู้มีอวัยวะครบ 32 ประการ เป็นผู้ที่มีอนาคตที่สดใส มีความใฝ่ฝัน
มีชีวิตที่ต้องเรียนรู้แบบใสๆในวัยของเธอ หญิงสาวเรียบง่าย รักธรรมชาติ ชอบป่าไม้
วันที่เลวร้ายของชีวิต
วันที่ 28 มีนาคม 2553 เธอหญิงสาวนักศึกษาปีสองได้ปิดเทมอภาคฤดูร้อน หญิงสาวได้กลับมาพักผ่อนที่บ้านของน้าสาว
เช้าของวันนี้หญิงสาวมีความรู้สึกคิดถึงบ้านเกิด อยากกลับบ้านไปหาน้องชาย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นไม่นานหญิงสาวจึงขึรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะกลับบ้าน
เวลาเกือบจะ 11 นาฬิกา หญิงสาวพร้อมออกเดินทาง จึงได้บอกน้าสาวว่า จะกลับและก็ลาน้าสาวกลับบ้านในเวลานั้น
น้าสาวไม่ได้ห้ามแต่อย่างไร คงรู้ว่าเธอคิดถึงบ้าน
จากบ้านน้าสาวถึงบ้านเธอเองไม่ไกลกันมาก เธอจึงเลือกจะขับรถจักรยานยนต์ในการเดินทางกลับบ้านเพื่อความสะดวกของเธอเอง
ที่ถนนใหญ่มีแสงแดดร้อนระอุเป็นแสงแดดในยามเที่ยงวัน รถในถนนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย
ด้วยว่าร้อนและต้องการให้ถึงบ้านเร็ว
![]() |
| เเสงกำลังจะหายไป |
หญิงสาวตัดสินใจใช้ถนนเส้นทางลัดเพื่อให้ถึงบ้านเร็วขึ้น จากถนนเส้นหลักถึงถนนที่เธอต้องเลี้ยวและต้องเลี้ยวข้ามฝั่งไปอีกฟากเพื่อเลี้ยวเข้าถนนซอยหมูบ้าน ซึ่งเป็นถนนเส้นทางลัดที่จะไปถึงหมู่บ้านเร็วและมีรถสัญจรไม่มาก
เหมือนถนนใหญ่ หญิงสาวได้ชะลอรถและจอดรถที่เธอขับ เพื่อมองดูว่าถนนว่างพอที่จะข้ามถนนไปอีกฝั่งไหม
เมื่อเห็นว่าถนนได้ว่าง เธอตัดสินใจขับรถข้ามถนนไป
หลังจากวินาทีที่เธอข้ามถนนไปเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้เธอได้ยินเสียงชายแก่ปลุกเรียกเธอให้ตื่น เสียงชายแก่ “ ตื่นตื่นๆหนู อย่าหลับ ใครมียาหอม ยาดม
ช่วยเอามาให้เธอหน่อย” และชายแก่ก็ถามเธอว่า เธอชื่ออะไร หญิงสาวบอกว่า “ ชื่อน้ำ เจ็บ หายใจไม่ออก ปวดแสบปวดร้อน ” ในความรู้สึกของเธอ เธอพูดดังมาก แต่ชายแก่จับใจความเธอพูดอะไรไม่ได้
ในความรู้สึกของเธอ ได้ยินชายแก่พูดกัน เสียงชายคนหนึ่งพูดว่า เห็นกระเป๋าเธอ
ดูว่ากระเป๋าเธอมีบัตรอะไร ชื่ออะไร เป็นคนที่ไหน และในกระเป๋าเธอมีโทรศัพท์
ลองไปถามเธอว่าจะให้โทรหาใคร และให้ใครอีกคนไปยืนบังแสงแดดอันร้อนในยามบ่ายเพื่อให้เธอ มีร่มเงา
ทันใดก็มีชายคนหนึ่งไปถามและพูดคุยกับเธอว่า “แม่หนูใจเย็นๆน๊ะ
ตอนนี้แม่หนูนอนอยู่กลางถนน โดนรถเก๋งของนายตำรวจชน
แม่หนูจะให้โทรศัพท์บอกใครทางบ้าน”หญิงสาวร้องไห้เสียใจด้วยความเจ็บปวดและในขณะนั้นเธอเหลือบมองเห็นแขนของเธอ ยาวและผิดรูป
เธอรู้ว่าเธอแขนหักและตอนนี้เธอหายใจไม่ออกเธอรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่างกาย ความคิดต่างๆวิ่งเข้าไปในหัวของเธอ
ในหนึ่งวินาทีเธอคิดอะไรมากมาย เธอได้สติเธอบอกว่าโทรหาน้าสาว
เพราะในใจของเธอถ้าบอกว่าโทรหาแม่ เธอกลัวว่าแม่จะรับไม่ได้และขาดสติไป และเธอก็คิดอะไรไปเรื่อย
คิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน ไม่ตายคงเป็นอัมพาด แล้วถ้าเป็นแบบที่คิดจริงๆ ใครจะดูแล
เธอคิดและร้องไห้ไป เหนื่อย หายใจไม่ออก หิวน้ำ
ในวินาทีนั้นไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเธอ เธอคิดถึงครอบครัว คิดถึงเพื่อน
คิดถึงมหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่ เสียใจเรื่องเรียน เรียนยังไม่จบ
ความฝันของครอบครัวไม่เป็นจริง เธอคิดว่าเธอต้องทำให้คนอื่นเสียใจ คิดๆๆๆๆ
ในขณะที่เธอคิดความเจ็บปวดไม่ได้หายไปเลย
มันทรมานมากไม่สามรถหาคำอธิบายอะไรมาพูดได้ เธอนึกถึง พระพุทธพระธรรมเพื่อช่วยให้เธอหายจากการเจ็บปวด
วินาทีนี้อะไรก็ช่วยไม่ได้ในความรู้สึกของเธอ
วิธีเดียวที่จะทำให้เธอลืมความเจ็บปวดคือการหมดสติไป
เธอรู้สึกว่าสติของเธอหลับๆตื่นๆ มีความรู้สึก บ้างก็ลืมตาพูด บ้างก็หลับตา
นานมากกว่ารถโรงพยาบาลจะมารับ เธอรู้สึกว่า นอนอยู่กลางถนนที่ร้อนระอุและมีแสงแดดที่เผาเธอเป็นเวลานานมาก
และเธอรู้สึกตัวอีกที เหมือนเป็นรถกู้ภัยมาช่วย มีผู้ชายช่วยกันยกเธอขึ้นเปลและวางลงในรถ ไม่คิดว่าตัวเธอจะได้มานอนอยู่ในรถนี้
ในตอนนั้นเธอคิดถึงเพื่อนชายสองคนที่เขาเสียชีวิตไปแล้วด้วยอุบัติเหตุ เธอเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนทั้งสองว่าเป็นแบบไหน ไม่มีโอกาสได้บอกรัก คนที่รัก ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่า จะมีโอกาสนั้นไหม
เธอกลัวตายก่อนจะถึงมือหมอและได้เห็นหน้าคนที่เป็นที่รัก
อีกไม่นานเธอมีความรู้สึกว่าถูกเปลี่ยนรถ จากรถกู้ภัยไปเป็นรถโรงพยาบาลและพอถึงโรงพยาบาล
เหล่าคนชุดขาวก็เข้ามาล้อมตัวเธอ พวกเขาทำความสะอาดร่างกายให้
พวกเขาขออนุญาตตัดเสื้อ ตัดกางเองของเธอ พวกเขารีบทำความสะอาดแผล และมีแผลที่พวกเขาต้องเย็บ
ซึ่งพวกเขาเย็บสด ในความรู้สึกของเธอ ในตอนนี้เธอรู้สึกว่า ปลอดภัย ถึงมือหมอแล้ว และไม่นานเธอก็ได้เห็นหน้าของน้าสาว ได้บอกน้าสาวว่า
เธอขอโทษ ขอให้อโหสิกรรมให้เธอด้วย เธอบอกว่า เจ็บ กลัวตาย และฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่ารักท่าน
และขอโทษเหมือนกัน น้าสาวพูดกับเธอว่า ไม่เป็นไรถึงมือหมอแล้ว และบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก
จากนั้นก็มีน้าผู้ชายเข้ามาหา พวกเขาเห็นเธอ ต่างพากันน้ำตาไหล พวกเขาจับมือให้ กำลังใจและพูดคุย
น้าๆบอกเธอว่า เธอเป็นคนดีไม่เป็นอะไรมากหรอก ให้อดทนไว้ ไม่นานก็หาย และบอกว่า พ่อกับแม่และคนอื่นๆกำลังเดินทางมาให้กำลังใจ
ไม่นานเธอก็เห็นหน้าแม่ เธอดีใจมากในเวลานั้น เธอได้บอกแม่เธอว่า ขอโทษ
ทำความฝันให้ไม่ได้ ขอให้แม่ยกโทษและอโหสิกรรมให้ ฟ้องเเม่ว่า เจ็บ
เธอร้องไห้ตลอดที่พูด แม่เข้ามาหาเธอ เธอลืมตาเธอเห็นแม่ของเธอเข็มแข็งมาก แม่ของเธอไม่ร้องไห้ให้เธอเห็น
แต่เธอรู้ว่าแม่เสียใจมาก เธอรู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ขาของเธอ
ก่อนหน้านี้เหมือนเธอได้ยินชายแก่บอกเธอว่า ขาของดูไม่ได้ เธอจึงได้ถามแม่ของเธอว่า
เกิดอะไรกับขาของเธอ และตอนนี้ขาของยังอยู่กับเธอไหม
แม่ได้บอกกับเธอว่ามันยังอยู่พยาบาลทำแผลและพันผ้าไว้ เธอได้ยินแม่บอกแบบนั้น
ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้น และไม่นานพ่อก็เข้ามาหาเธอ พ่อเห็นเธอพ่อได้แต่ร้องไห้
เธอรู้ว่าพ่อรู้สึกยังไง เธอก็พูดกับพ่อเหมือนที่พูดกับแม่
และต่อมาก็เป็นพี่ชายของเธอ เธอบอกให้ พี่ชายไปเรียนต่อเพื่อสานต่อความฝันของเธอ
เธออยากได้ใบปริญญาให้ครอบครัว พี่ชายรับปากและจะรีบไปติดต่อเรียน
หลังจากที่เธอคุยกับพี่ชาย เธอก็ได้เห็นเพื่อนชาย
เธอไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะมาด้วย เพื่อนชายได้จับมือเธอ และบอกเธอว่า ไม่เป็นไรอดทนไว้น๊า เธอบอกดกับเพื่อนว่า เจ็บและเธอเอาแต่ร้องไห้ เพื่อนชายจึงบอกเธอว่า แผลแค่นี้ไกลหัวใจเยอะไม่เป็นไร สู้ๆๆ และเพื่อนชายก็บอกว่า ยังมีเพื่อนอีกสองคนที่กำลังจะรอส่งกำลังใจให้
ตอนนี้เขารอเธออยู่อีก โรงพยายาลหนึ่ง ซึ่งตัวเธอจะต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลใหญ่ที่เพื่อนๆและญาติๆรอเธออยู่ที่นั่น
เพื่อนชายคนนี้ ชื่อว่า เดียร์ และเพื่อนอีกสองคนที่รออยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ชื่อว่า ลักกี้
และ อ๋อม พวกเขาเป็นเพื่อนที่เธอรักและสนิท
ก่อนที่พวกเขาจะส่งเธอไปโรงพยาบาลใหญ่
พวกเขานำตัวเธอไปผ่านการเอ็กซเรย์ มีบุรุษพยาบาลเข็นเปลนอนพาเธอไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์
เธอรู้สึกกลัวมาก ในชีวิตที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้เลยว่าห้องเอ็กซเรย์เป็นแบบไหน
ในวินาทีนั้นนั่นเองทำให้เธอรู้ เขาเข็นร่างเธอเข้าไปในห้องนั้น ห้องที่มีเสียงไฟสว่างมาก รูปทรงยาวเหมือนเธอกำลังนอนอยู่ในหลอดดูดน้ำที่มีขนาดใหญ่
นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลช่วยกันขยับร่างกายของเธอเพื่อให้อยู่ในท่าที่พวกเขาทำงานได้สะดวก
เธอได้แต่ร้องไห้และร้องเจ็บปวด เสียงที่เธอได้ยินตลอดคือ การบอกว่าอดทนและอดทนไม่นานก็หายนั่นเป็นเสียงของนางพยาบาลและบุรุษพยาบาล
ไม่นานพวกเขาก็เข็นเธอออกจากห้องนั้นและพาเธอตรงไปยังรถที่รอรับเพื่อส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่ โดยในรถส่งตัวจะมีเธอ แม่ของเธอ แม่ของลักกี้ที่เป็นเพื่อนของเธอ และนางพยาบาลประจำรถ เธอได้แต่ร้องไห้
และบอกกับแม่ว่าเจ็บ และทรมาน ต้องการสลบ ไม่ต้องการมีความรู้สึกแบบนี้ แม่เธอได้แต่บอกว่าอดทนและบอกให้รถส่งตัวขับเร็วๆ เพื่อไปให้ถึงมือหมอเร็วๆ
ส่วนแม่ของลักกี้ได้แต่บอกให้เธอรอเจอลักกี้ อ๋อมและคนอื่นๆ และตอนนี้ก็มีรถของเดียร์ที่พาญาติๆของเธอขับตามหลังอยู่ ทำให้เธอต้องอดทนและต่อสู้กับความเจ็บปวดนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเธอหลับๆตื่นๆ ขณะที่ตื่นเธอก็จะพบกับความเจ็บปวดและร้องไห้ตลอด
ขณะเธอหลับเธอรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันที่โหดร้ายมาก
ในความฝันเธอพบเจอสิ่งแปลกๆเหมือนอยู่ในโลกมืดและโลกของแสงสว่าง
ในโลกนั้นเธอจะนึกถึงยายของเธอผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เธอต้องการให้ยายมารับเธอไปอยู่ด้วยในมิติที่สามและนึกถึงสถานที่ที่เหมือนวัด
เธอเห็นสถานที่เหมือนวัดคอยให้แสงสว่างขณะที่นึกถึงยายเธอจะอยู่ในความมืดมองไม่เห็นอะไรเลย
และก็ตื่นมาพบกับความเจ็บปวดจะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยไป และในที่สุดเธอก็รู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีคนชุดขาวเคลื่อนย้ายตัวเธอลงจากรถและเข็นพาเธอไปไหนไม่รู้
ระหว่างนั้นเธอมองเห็นเพื่อนของเธอวิ่งเข้ามาหาเธอจับมือเธอ บอกเธอว่า เราลักกี้ เราอ๋อม จำเราได้ไหมและต่างก็ร้องไห้ ตัวเธอพูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้
อยากพูดบอกอะไรมากมายแต่พูดไม่ได้ เธอได้แต่พูดในใจ ขอบใจและดีใจมากอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้ากัน เธออยากบอกรักเพื่อน แต่เธอก็พูดออกมาไม่ได้ วินาทีนั้นเพื่อนของเธอก็ได้แต่ร้องไห้และวิ่งตามรถเข็นของเธอ ตามด้วยพวกญาติๆ ของเธอ พวกญาติๆของเธอไม่ต่างจากเพื่อนของเธอ พวกเขาเห็นเธอและก็ได้แต่ร้องไห้ เธอรู้ว่าพวกเขารักเธอมาก เธอขอบคุณและเธอขอโทษที่ทำให้ทุกคนร้องไห้ เธอไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
ตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว
ทำไมเจ็บปวดขนาดนี้ เมื่อไหร่จะสลบไป เมื่อไหร่คุณหมอจะมาทำการรักษา
ตอนนี้เตียงรถเข็นของเธอได้หยุดและก็มีคุณหมอหลายท่านมายืนล้อมเตียงของเธอ
ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงคุณหมอคนหนึ่งถามหาพ่อและแม่ เธอได้ยินคุณหมอบอกกับพ่อและแม่ว่าให้มาเซ็นยินยอมรับการผ่าตัด
คุณหมอจะทำการผ่าตัดขา ตอนนี้ขาของลูกคุณได้รับการติดเชื้อและกระดูกที่ข้อเท้าได้แตกละเอียด และมีบางชิ้นส่วนที่หายไป
ต้องตัดทิ้ง และเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มก็ได้ติดเชื้ออีกทั้งเนื้อยุ่ยดูไม่ได้ไม่สามารถที่จะเก็บและทำการรักษาไว้ได้
วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตไว้ได้คือ ต้องตัดขาออก และต้องทำการผ่าตัดภายในสี่ชั่วโมง ถ้าไม่รีบผ่าตัดเชื้อร้ายจะวิ่งเข้ากระแสเลือด และจะเสียชีวิตทันที
ในการผ่าตัดมีเปอร์เซ็นของการรอดชีวิตอยู่ห้าสิบๆ เพราะตอนนี้ร่างกายของคนป่วยช้ำมากและความดันก็ต่ำด้วย คุณหมอจะทำการรักษาโดยการตัดขาก่อนในเบื้องต้น จึงต้องการให้คุณพ่อและแม่เซ็นรับรู้และยินยอม สิ่งที่เธอได้ยิน เพียงแค่นั้นก็ทำให้เธอรับสภาพไม่ได้
ตอนนั้นเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่
เธอนึกถึงแต่ผู้เป็นยายที่เสียชีวิตไปแล้วให้มารับเธอไปอยู่ด้วยในมิติที่สาม เธอร้องไห้และพูดบอกทุกคนว่า เธอไม่รับการผ่าตัด ขอให้เธอตายไป ปล่อยให้ตาย
ตอนนี้ทรมานที่สุดแล้ว ถึงจะรักษาให้หายเธอก็ต้องตื่นมาเจอกับความทรมานอยู่ดี
ทันใดก็ได้มีคุณหมอเดินมาคุยปลอบเธอ คุณหมอบอกเธอว่า “หนูต้องรักษาชีวิตไว้เพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง
หนูต้องทำการตัดขาที่มันตายออก
ถ้าไม่ตัดออกหนูจะตายภายในสี่ชั่วโมงหรือไม่ก็อาจจะเร็วกว่านั้นจากนั้นคุณหมอก็ปล่อยให้เธอคิดและอยู่กับตัวเอง” ในวินาทีนั้นเธอคิดว่า ปล่อยให้เธอตาย ถึงมีชีวิตอยู่ชีวิตของเธอก็ไม่เป็นสุขและที่สำคัญยิ่งจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน
เธอรู้สึกเจ็บปวดใจมากและทรมานมาก สมองของเธอมันต่อสู้กัน ในขณะที่คิดสงสารพ่อแม่
พ่อแม่คงเสียใจมาก แต่เธอไม่ต้องการเห็นพ่อแม่ลำบากเพราะเธอ
ไม่ต้องการเห็นพ่อแม่ร้องไห้อีก เธอคิดว่าปล่อยให้เธอตาย พ่อแม่และคนอื่นๆที่รักจะเสียใจคือ ครั้งนี้ครั้งเดียว เธอพยายามควบคุมสติและปล่อยให้ตัวเธอเองร้องไห้ไปเรื่อยๆๆระหว่างที่พ่อและแม่ทำการตัดสินใจว่าจะเซ็นยินยอมให้ทำการผ่าตัดหรือไม่
ระหว่างนั้นเธอคิดถึงตาของเธอ ร้องเรียงหาตา บอกให้ตาของเธอมาช่วยรักษา
ในความเชื่อของเธอ ตาคือผู้วิเศษที่มีมนต์คาถาสามารถรักษาขาให้กลับคือมาได้
โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ตาขอเธอได้เข้ามาหาเธอและได้ทำตามที่เธอต้องการและได้พูดให้กำลังใจเธอ
ไม่นานการตัดสินใจของพ่อกับแม่คงตอบยินยอมให้รับการผ่าตัด พยาบาลได้เข็นเธอไปที่ห้องๆหนึ่ง
ห้องนี้มีแสงไฟที่สว่างมาก
เธอรู้สึกว่าพวกคนชุดขาวเอาสายอะไรมากมายมาติดตามร่างการเธอ
จากนั้นก็เอาอะไรซักอย่างมาให้เธอสูดดม เธอสูดดมเข้าไปทำให้เธอรู้สึกเย็นสบายหายใจได้สะดวก
เธอจำได้ว่าเธอสูดดมเพียงสองครั้งจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ยาสลบหมดฤทธิ์เธอได้ตื่นขึ้นมาพบกับความเจ็บปวดอีกครั้ง
อีกทั้งตื่นมาพร้อมความรู้สึกว่า ตัวเธอตายทั้งเป็น
น้ำตาไหลเป็นทางยาว พูดอะไรไม่ได้ หายใจใต้สายออกซิเจน ด้านข้างมีเครื่องวัดความดันและชีพจร ห้องนี้คือห้องไอซียู เธอหลับตาลงอีกครั้งด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับและยาแก้ปวด ไม่นานเธอได้ยินเสียงหายเร็วๆ อายุยืน คนดีของน้า เสียงนี้ทำให้เธอลืมตาตื่น ตื่นขึ้นมาพบกับน้ำตาของผู้เป็นญาติและตามมาด้วยเพื่อนๆมาเยี่ยมให้กำลังใจ ทุกคนร้องไห้ ไม่ต่างกับเธอที่ร้องไห้ตลอดเวลาขณะลืมตาตื่น ความเจ็บปวดไม่เคยจางหาย เธอไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกออกไปได้
ทั้งที่เธออยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า เจ็บ ปวด ทรมาน เธอไม่อยากมีลมหายใจ แต่เธออยากขอโทษทุกๆคนที่มาในวันนี้ เธอเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องมีน้ำตา เธอรู้สึกผิดหวังเสียใจมากกับเหตุการณ์ร้ายนี้ ตอนนี้เธอได้ชีวิตใหม่ ชีวิตนี้ตื่นมาพร้อมกับความพิการ
เธอโดนตัดขาข้างขวาเป็นที่เรียบร้อย
![]() |
| ชีวิตใหม่ |
วันใหม่นอกห้องไอซียู
วันนี้เธอย้ายออกมาอยู่ห้องผู้ป่วยรวม
เธอยังคงเป็นผู้ป่วยที่คุณหมอต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ที่จมูกของเธอยังคงมีเครื่องช่วยหายใจ แต่ตอนนี้เธอสามารถพูดและสื่อสารอะไรได้แล้ว
มองไปรอบๆเตียงมีผู้ป่วยคนแก่เต็มไปหมด ข้างเตียงด้านขวามือเธอมีน้องสาวน่ารักคนหนึ่ง เธอใส่เผือกที่ขา
และข้างเตียงด้านซ้ายมือเธอ เป็นคุณตาที่ใส่เครื่องช่วยหายใจเหมือนเธอ
ภาพที่เห็นเป็นภาพที่หดหู่ใจมาก แต่ทุกคนก็มีร่างกายที่ครบตามที่สายตาเธอเห็น
มีเพียงเธอที่ร่างกายไม่ครบส่วน ส่วนนั้นได้หายไปจากเธอ ตอนนี้เธอเดินไม่ได้
แต่เธอยังไม่หมดหวัง เธอหวังว่า เธอจะกลับมาเดินได้อีกเหมือนเดิมด้วยอุปกรณ์เสริมตัวใหม่
ความรักของพ่อและแม่
ห้องผู้ป่วยรวม
วันแรกที่ย้ายมา ที่ขาของเธอยังคงความเจ็บปวด ที่แขนด้านซ้ายของเธอที่ใส่เผือก
เธอนอนในท่าหงายท่าเดียว ไม่สามารถเคลื่อนหรือเปลี่ยนท่านอนได้เลย
ไม่มีการฉีดยาแก้ปวด ยานอนหลับใช้ไม่ได้กับเธอ
วันนี้ทั้งวันและทั้งคืนเธอมีพ่อและแม่อยู่ข้างกายไม่ห่างเธอ
วันนี้เป็นวันที่สุดปวดใจและแสนสุขใจ เธอปวดใจที่เห็นพ่อแม่ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
สาเหตุมาจากตัวเธอ
พ่อและแม่อยู่ข้างเตียงยืนกอดและจับมือเธอไว้ตลอดทั้งวันและทั้งคืน
ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ เธอร้องเพาะความเจ็บปวด
เธอจะเห็นน้ำตาของผู้เป็นพ่อและแม่ตลอด เธอไม่ได้นอน พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้นอน
เธอไม่กิน พ่อแม่ของเธอก็ไม่กิน ภาพที่เธอเห็น บอกให้เธอรู้ว่าพ่อแม่รักเธอมาก มากถึงขนาดยอมตายเพื่อเธอ
ตอนนี้เธอจึงคิดว่าเธอจะต้องอยู่ อยู่เพื่อพ่อและแม่ สุขใจของเธอคือ
เธอยังคงเป็นที่รักของพ่อและแม่
ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร อยู่ในสภาพไหน พ่อแม่ก็ยังรักและดูแลเธอ เธออยู่ในสภาพทรมานกายและใจ หลับๆตื่นๆอยู่เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็น 1 สัปดาห์ที่พ่อแม่ของเธอไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหาอะไรเปรียบ
กำลังใจเตียงรอบข้าง
น้องสาวน่ารักที่ใส่เผือกที่ขาเป็นเพื่อนข้างเตียงของเธอ
น้องสาวคนนี้จะคอยให้กำลังใจเธอ บอกให้เธอสู้ หาเรื่องตลกมาเล่าให้เธอฟัง
คอยถามความรู้สึก มีอะไรคอยแบ่งปัน กำลังใจจากน้องสาวเตียงข้างๆส่งให้ในแต่ละวัน ทำให้เธอมีพลังกายและพลังใจขึ้นมาก รวมทั้งเพื่อนเตียงรอบข้างคนอื่นๆที่ส่งกำลังใจมาให้ไม่ขาดสาย
กำลังใจเหล่านั้นเป็นพลังให้เธอยิ้มได้อีกครั้ง ในเวลานั้น กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะจากคนที่เรารู้จักและไม่รู้จัก
กำลังใจนั้นเป็นยาวิเศษที่รักษาใจให้เธอมาโดยตลอด
ความห่วงใยของญาติ
ชีวิตในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยในห้องนี้ (ห้องผู้ป่วยรวม) มีเเต่ผู้ป่วยอาการหนัก เเต่เท่าที่มองไปรอบข้างเห็นทีมีเเต่เธอที่อากาศหนักสุด ไม่ได้นอนมากี่วันเเล้ว ทำไมเวลาผ่านไปช้าจังเลยในเเต่ละวัน ทำไมอาการปวดยังไม่จางหายไป ทำไมฝันร้ายนี้ดูยาวนาน ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมไม่ตายๆไป น้ำตาทำไมไหลไม่ยอมหยุด มองเห็นหน้าพ่อเเละเเม่ทีไร ความเสียใจยิ่งมากขึ้น น้ำตายิงไหลริน เหมือนสายฝนที่กำลังตกหนัก เสียงปิดผ้าม่านเพื่อทำเป็นห้องส่วนตัว นั่นคือ ถึงเวลาทำความสะอาดร่างกายอีกเเล้ว คุณพยาบาลฝึกหัด 2 คน พร้อมเครื่องทำความสะอาด สวัสดีจะพี่คนสวย พยาบาลจะช่วยกันทำความสะอาดร่างกายให้ เมื่อคืนหลับสบายไหม ขณะถามมือก็ไม่หยุดนิ่ง ช่วยกันยกตัวเธอให้อยู่ในท่าที่สะดวกในการทำความสะอาด เธอไม่ยอมพูดได้เเต่ทำหน้าบอกให้รู้ว่าเจ็บ เเละไม่ได้นอนเลย นอนไม่หลับ เสร็จเเล้วจ้าพยาบาลพูด เธอรู้สึกเหนื่อยกับการทำความสะอาดร่างกาย ทำให้เธอหลับไปซักพัก
เจ็ดนาฬิกา เสียงพยาบาลทำให้เธอตื่นอีกรอบ เเละนี่เป็นเวลาล้างเเผล ฮือๆๆๆๆๆๆ T_T คิดในใจทำไมต้องเป็นพยาบาลฝึกหัดด้วย พยาบาลฝึกหัดทักทายสวัสดีค่ะ มาล้างเเผลค่ะ เขาไม่รอช้า เเกะผ้าพันเเผลที่พันกับตอขาออก พยาบาลทำช้าเเละเเรงทำให้เธอต้องร้องไห้ตลอดเวลาขณะล้างเเผล" เจ็บค่ะ เเสบค่ะ ช่วยทำเบาๆเเละเร็วๆกว่านี้ได้ไหมค๊ะ" เธอบ่นให้พยาบาล เธออยากได้พยาบาลเชี่ยวชาญไม่ใช่พยาบาลฝึกหัด เธอถามพยายบาลฝึกหัดที่กำลังล้างเเผล คุณพยาบาลเมื่อไหร่แผลจะหายเมื่อไหร่จะไม่ต้องล้างเเผล คุณพยาบาลฝึกหัดตอบ เมื่อคุณทำจิตใจดี ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ เเผลจะหายเร็วเค่ะ เธอนิ่งไป หลังจากได้ยินคำตอบ เเละไม่นานการล้างเเผลก็เสร็จไป ก่อนที่พยาบาลจะไป เธอพูด "คุณพยายาบาลค๊ะ อยากสระผมค่ะ ไม่ได้สระผมมานานมากเเล้วค่ะ " ผมของเธอเหนียวมาก มีกลิ่นด้วย เนื่องจากครั้งเเรกที่เธอตื่นจากยาสลบที่ทำการผ่าตัด เธอลืมตาตื่นมาพร้อมกับอาเจียน อาเจียนรดหน้าตัวเองเเละโดนผม เวลานั้นที่ใบหน้ามีเเผลเย็บเเละเเผลถลอก สุดจะหาคำบรรยายกับอาการเเสบของกรดอาเจียนที่โดนกับเเผลที่ใบหน้า อีกทั้งอาเจียนนั้นยังไปอุดตันท่อออกซิเจนที่ครอบไว้ที่จมูกเธอ ทำให้ระบบหายใจผิดจังหวะ ในเวลานั้นเธอคิดว่าต้องตายเเน่ๆ ร่างกายทุรนทุราย เพราะหาดออกซิเจน โชคดีที่สัญญานเครื่องหายใจดังขึ้น ทำให้นางพยาบาลมาช่วยไว้ทัน ถ้าจะพูดถึงการช่วยว่าพยาบาลทำยังไงเพื่อเอาเศษของอาเจียนออกจากท่อออกซิเจน กลัวผู้อ่านจะทานอะไรไม่ลง ขอข้ามตรงนี้ไปค่ะ เสร็จจากนี้เหมือนเธอจะเหนื่อยเเละวูบหลับไป ตื่นมาอีกครั้ง(ในห้องไอซียู) พบกับความเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น เธอรู้สึกปวดท่อนตอขา เธอพยายามมองมัน มันบวมใหญ่มาก เเละอีกส่วนที่เคยอยู่ติดกับมันได้หายไป คงไว้เเค่ตอขาที่สั้นเเละเจ็บปวด เธอได้เเต่มองดูเเละร้องไห้จนเเทบน้ำตาเป็นสายเลือด ความเจ็บปวดนี้ไม่มีคำบรรยายให้รู้ถึงความรู้สึก ความเสียใจที่เกิดขึ้นหนักมากเกินกว่าตัวเธอจะยอมรับได้ เธอไม่อยากลืมตาตื่นมาพบชีวิตใหม่ที่พึ่งได้มาภายหลัง ในเวลานั้นเธอพยายามที่จะขยับร่างกาย เเต่ไม่เป็นผล เธอไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้เลย ส่วนที่ขยับได้มีเเค่สายตา เเละมืออีกข้างที่ไม่เเตกหัก เเต่มือข้างที่ขยับได้เเทบจะไม่มีเเรง เเล้วเเบบนี้เธอจะสื่อสาร จะพูดเเละบอกอาการเกี่ยวกับตัวเธอให้ใครฟังได้ ทันใดนั้นพ่อเเม่เเละญาติๆก็เข้ามาเยียมเธอ เธอได้เเต่ร้องไห้ที่เห็นหน้าพวกเขา เเละร้องไห้จากความศูนย์เสีย เธอพยายามบอกพวกเขาเหล่านั้นว่า เธอเจ็บ เธอทรมาน ด้วยสายตา เเละมืออีกข้างที่มีเเรงไขว่คว้าหาความอบอุ่น คว้าเอามือของทุกคนมากุมไว้ เเต่ไม่มีใครที่จะรับรู้ความรู้สึกในตอนนั้นได้เลย ไม่มีใครอ่านสายตาที่เธอพยายามสือสารออกมาได้เลย เเละก็หมดเวลาเยี่ยม ปล่อยให้เธอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการร้องไห้เเละร่างกายต้องการพักผ่อน กลับมาที่ห้องผู้ป่วยรวมอีกครั้ง พี่พยาบาลก็ตอบรับปากพรุ่งนี้จะมาสระผมให้ค่ะ เธอพูด ขอบคุณค่ะ
วันเเรกที่ย้ายออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องผู้ป่วยรวม จิตใจเธอพยายามปรับตัว พยายามยอมรับกับสิ่งรอบข้างของเธอ เธอคิดว่าเธอจิตใจดีขึ้นเเละสงบลงกว่าวันเดิม วันนี้เธอสามารถขยับร่างกายได้ เธอพยายามลุกนั่ง พ่อเเละเเม่ช่วยประครอง นั่งได้ไม่นานก็ต้องนอนเหมือนเดิม เพราะร่างกายรู้สึกเหนื่อยมาก เธอนอนเเละพยายามขยับตอขาส่วนที่ทำให้เธอเหมือนตายทั้งเป็น นอนดูมันเเล้วร้องไห้ เเละหลับไปในที่สุด ร่างกายได้หลับเพราะเหนื่อยกับการร้องไห้ เเต่ก็หลับได้ไม่นาน เพราะความปวดบาดเเผลจะปลุกให้เธอต้องตื่นตลอดเวลา ในเเต่ละวัน ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา เธอจะพยายามทำใจยอมรับกับสิ่งรอบข้าง พยายามยิ้ม พยายามกิน พยายามนอน เพื่อให้พ่อเเละเเม่ที่ดูเเลเธอได้พักผ่อนเเละมีกำลังใจ ทุกครั้งที่เธอตื่นพ่อเเม่จะอยู่ข้างๆเสมอ พ่อเเม่ไม่ได้พักผ่อนเลย พักหลังถึงเธอจะไม่ง่วงนอน เพราะนอนไม่หลับเเต่ต้องเเกล้งทำเป็นหลับ เพื่อจะให้พ่อเเละเเม่ได้นอนพักบ้าง ถ้าเธอหลับพ่อเเละแม่จะได้พักผ่อน เธอหลับตา เเค่หลับตาๆ เเต่ใจเธอร้องไห้..T_T.....................
กำลังใจเป็นยาวิเศษ
ติดตามตอนต่อไปเรื่อยๆน๊ะค๊ะ
ผู้ป่วยในห้องนี้ (ห้องผู้ป่วยรวม) มีเเต่ผู้ป่วยอาการหนัก เเต่เท่าที่มองไปรอบข้างเห็นทีมีเเต่เธอที่อากาศหนักสุด ไม่ได้นอนมากี่วันเเล้ว ทำไมเวลาผ่านไปช้าจังเลยในเเต่ละวัน ทำไมอาการปวดยังไม่จางหายไป ทำไมฝันร้ายนี้ดูยาวนาน ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมไม่ตายๆไป น้ำตาทำไมไหลไม่ยอมหยุด มองเห็นหน้าพ่อเเละเเม่ทีไร ความเสียใจยิ่งมากขึ้น น้ำตายิงไหลริน เหมือนสายฝนที่กำลังตกหนัก เสียงปิดผ้าม่านเพื่อทำเป็นห้องส่วนตัว นั่นคือ ถึงเวลาทำความสะอาดร่างกายอีกเเล้ว คุณพยาบาลฝึกหัด 2 คน พร้อมเครื่องทำความสะอาด สวัสดีจะพี่คนสวย พยาบาลจะช่วยกันทำความสะอาดร่างกายให้ เมื่อคืนหลับสบายไหม ขณะถามมือก็ไม่หยุดนิ่ง ช่วยกันยกตัวเธอให้อยู่ในท่าที่สะดวกในการทำความสะอาด เธอไม่ยอมพูดได้เเต่ทำหน้าบอกให้รู้ว่าเจ็บ เเละไม่ได้นอนเลย นอนไม่หลับ เสร็จเเล้วจ้าพยาบาลพูด เธอรู้สึกเหนื่อยกับการทำความสะอาดร่างกาย ทำให้เธอหลับไปซักพัก
เจ็ดนาฬิกา เสียงพยาบาลทำให้เธอตื่นอีกรอบ เเละนี่เป็นเวลาล้างเเผล ฮือๆๆๆๆๆๆ T_T คิดในใจทำไมต้องเป็นพยาบาลฝึกหัดด้วย พยาบาลฝึกหัดทักทายสวัสดีค่ะ มาล้างเเผลค่ะ เขาไม่รอช้า เเกะผ้าพันเเผลที่พันกับตอขาออก พยาบาลทำช้าเเละเเรงทำให้เธอต้องร้องไห้ตลอดเวลาขณะล้างเเผล" เจ็บค่ะ เเสบค่ะ ช่วยทำเบาๆเเละเร็วๆกว่านี้ได้ไหมค๊ะ" เธอบ่นให้พยาบาล เธออยากได้พยาบาลเชี่ยวชาญไม่ใช่พยาบาลฝึกหัด เธอถามพยายบาลฝึกหัดที่กำลังล้างเเผล คุณพยาบาลเมื่อไหร่แผลจะหายเมื่อไหร่จะไม่ต้องล้างเเผล คุณพยาบาลฝึกหัดตอบ เมื่อคุณทำจิตใจดี ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ เเผลจะหายเร็วเค่ะ เธอนิ่งไป หลังจากได้ยินคำตอบ เเละไม่นานการล้างเเผลก็เสร็จไป ก่อนที่พยาบาลจะไป เธอพูด "คุณพยายาบาลค๊ะ อยากสระผมค่ะ ไม่ได้สระผมมานานมากเเล้วค่ะ " ผมของเธอเหนียวมาก มีกลิ่นด้วย เนื่องจากครั้งเเรกที่เธอตื่นจากยาสลบที่ทำการผ่าตัด เธอลืมตาตื่นมาพร้อมกับอาเจียน อาเจียนรดหน้าตัวเองเเละโดนผม เวลานั้นที่ใบหน้ามีเเผลเย็บเเละเเผลถลอก สุดจะหาคำบรรยายกับอาการเเสบของกรดอาเจียนที่โดนกับเเผลที่ใบหน้า อีกทั้งอาเจียนนั้นยังไปอุดตันท่อออกซิเจนที่ครอบไว้ที่จมูกเธอ ทำให้ระบบหายใจผิดจังหวะ ในเวลานั้นเธอคิดว่าต้องตายเเน่ๆ ร่างกายทุรนทุราย เพราะหาดออกซิเจน โชคดีที่สัญญานเครื่องหายใจดังขึ้น ทำให้นางพยาบาลมาช่วยไว้ทัน ถ้าจะพูดถึงการช่วยว่าพยาบาลทำยังไงเพื่อเอาเศษของอาเจียนออกจากท่อออกซิเจน กลัวผู้อ่านจะทานอะไรไม่ลง ขอข้ามตรงนี้ไปค่ะ เสร็จจากนี้เหมือนเธอจะเหนื่อยเเละวูบหลับไป ตื่นมาอีกครั้ง(ในห้องไอซียู) พบกับความเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น เธอรู้สึกปวดท่อนตอขา เธอพยายามมองมัน มันบวมใหญ่มาก เเละอีกส่วนที่เคยอยู่ติดกับมันได้หายไป คงไว้เเค่ตอขาที่สั้นเเละเจ็บปวด เธอได้เเต่มองดูเเละร้องไห้จนเเทบน้ำตาเป็นสายเลือด ความเจ็บปวดนี้ไม่มีคำบรรยายให้รู้ถึงความรู้สึก ความเสียใจที่เกิดขึ้นหนักมากเกินกว่าตัวเธอจะยอมรับได้ เธอไม่อยากลืมตาตื่นมาพบชีวิตใหม่ที่พึ่งได้มาภายหลัง ในเวลานั้นเธอพยายามที่จะขยับร่างกาย เเต่ไม่เป็นผล เธอไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้เลย ส่วนที่ขยับได้มีเเค่สายตา เเละมืออีกข้างที่ไม่เเตกหัก เเต่มือข้างที่ขยับได้เเทบจะไม่มีเเรง เเล้วเเบบนี้เธอจะสื่อสาร จะพูดเเละบอกอาการเกี่ยวกับตัวเธอให้ใครฟังได้ ทันใดนั้นพ่อเเม่เเละญาติๆก็เข้ามาเยียมเธอ เธอได้เเต่ร้องไห้ที่เห็นหน้าพวกเขา เเละร้องไห้จากความศูนย์เสีย เธอพยายามบอกพวกเขาเหล่านั้นว่า เธอเจ็บ เธอทรมาน ด้วยสายตา เเละมืออีกข้างที่มีเเรงไขว่คว้าหาความอบอุ่น คว้าเอามือของทุกคนมากุมไว้ เเต่ไม่มีใครที่จะรับรู้ความรู้สึกในตอนนั้นได้เลย ไม่มีใครอ่านสายตาที่เธอพยายามสือสารออกมาได้เลย เเละก็หมดเวลาเยี่ยม ปล่อยให้เธอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการร้องไห้เเละร่างกายต้องการพักผ่อน กลับมาที่ห้องผู้ป่วยรวมอีกครั้ง พี่พยาบาลก็ตอบรับปากพรุ่งนี้จะมาสระผมให้ค่ะ เธอพูด ขอบคุณค่ะ
วันเเรกที่ย้ายออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องผู้ป่วยรวม จิตใจเธอพยายามปรับตัว พยายามยอมรับกับสิ่งรอบข้างของเธอ เธอคิดว่าเธอจิตใจดีขึ้นเเละสงบลงกว่าวันเดิม วันนี้เธอสามารถขยับร่างกายได้ เธอพยายามลุกนั่ง พ่อเเละเเม่ช่วยประครอง นั่งได้ไม่นานก็ต้องนอนเหมือนเดิม เพราะร่างกายรู้สึกเหนื่อยมาก เธอนอนเเละพยายามขยับตอขาส่วนที่ทำให้เธอเหมือนตายทั้งเป็น นอนดูมันเเล้วร้องไห้ เเละหลับไปในที่สุด ร่างกายได้หลับเพราะเหนื่อยกับการร้องไห้ เเต่ก็หลับได้ไม่นาน เพราะความปวดบาดเเผลจะปลุกให้เธอต้องตื่นตลอดเวลา ในเเต่ละวัน ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา เธอจะพยายามทำใจยอมรับกับสิ่งรอบข้าง พยายามยิ้ม พยายามกิน พยายามนอน เพื่อให้พ่อเเละเเม่ที่ดูเเลเธอได้พักผ่อนเเละมีกำลังใจ ทุกครั้งที่เธอตื่นพ่อเเม่จะอยู่ข้างๆเสมอ พ่อเเม่ไม่ได้พักผ่อนเลย พักหลังถึงเธอจะไม่ง่วงนอน เพราะนอนไม่หลับเเต่ต้องเเกล้งทำเป็นหลับ เพื่อจะให้พ่อเเละเเม่ได้นอนพักบ้าง ถ้าเธอหลับพ่อเเละแม่จะได้พักผ่อน เธอหลับตา เเค่หลับตาๆ เเต่ใจเธอร้องไห้..T_T.....................
![]() |
| เเสงเเรกของวันใหม่ |
ถึงเวลาที่ต้องออกจากโรงพยาบาล
ความรู้สึกเมื่อรู้ว่า พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านเเล้ว เธอรู้สึกไม่อยากกลับบ้าน เธอรู้สึกผูกพันกับห้องเล็กๆ ที่มีก็เเต่เธอ
เเม่เเละพ่อที่อยู่ดูเเล น้าๆ เพื่อนๆ ที่เเวะเข้ามาเยี่ยมเธอ พี่พยาบาลที่คอยดูเเล เเละคุณหมอประจำเธอ ห้องนี้คือห้องพักฟื้นพิเศษของโรงพยาบาล
เธอคุ้นเคยกับผู้คนเเละห้องเล็กๆที่อำนวยความสะดวกให้กับเธอ
ถึงเเม้ว่าตอนนี้จิตใจของเธอจะยังยอมรับสภาพตัวเองไม่ได้ เเต่ก็ดีขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ห้องผู้ป่วยรวม เธอไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากให้ผู้คนเห็นสภาพใหม่ของเธอ สภาพที่ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย ไม่อยากคิดเลยว่ากลับบ้านเเล้วต้องไปปรับตัวอะไรบ้าง
ที่บ้านไม่มีความสะดวกสบายเเน่ ผู้คนต้องเเวะมาเยี่ยมเเละถามข่าวกันมาก
เธอไม่อยากที่จะตอบคำถาม
เเละวันนี้ก็มาถึงวันที่ต้องออกจากห้องเล็กๆ เธอต้องหลับตาลงเพื่อปรับสายตา เนื่องจากเเสงเเดดที่เเสบจ้า เธอไม่ได้ออกมาข้างนอกเพื่อสัมผัสแสงเเดดเป็นเวลาครึ่งเดือนเเล้วซิน๊ะ เเละก็ทำให้เธอต้องร้องไห้อีกครั้ง เธอรู้สึกเสียใจ
ทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาลเธอจะโดนเข้าเเละเดินออก เเต่ครั้งนี้เธอต้องนั่งรถเข็น
เธออยู่ในสภาพที่ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย นึกถึงส่วนที่จากเธอไป ตอนนี้มันอยู่ไหน
มันทำไมต้องจากเธอไปเเละปล่อยให้เธอเศร้าเสียใจเเละคิดถึงมัน
ไม่นานรถเข็นก็มาหยุดอยู่ที่รถ เป็นรถน้าชายที่รอรับเธอกลับบ้าน
น้ำตาไหลรินเป็นสายฝนเมื่อต้องขึ้นรถ
ระหว่างนั่งรถกลับบ้านเธอไม่ยอมพูดคุยอะไรกับใคร ได้เเต่ร้องไห้ จนถึงบ้าน เธอยังคงนั่งในรถ
มองเข้าไปในบ้าน มีผู้คนมากมายเต็มบ้านเธอ
พวกเขาเหล่านั้นมารอรับเธอกลับบ้านใช่ไหม เธอถามน้าชาย
เเละพ่อก็เดินมารับเธอออกจากรถ พ่อจะอุ้มเธอลงจากรถ เธอไม่ยอมให้พ่ออุ้ม เธอบอกพ่อว่าเธอจะเข้าบ้านเอง เธอพยายามเคลื่อนตัวเองลงจากรถเเละใช้ขาอีกข้างที่เหลือ กระโดดเข้าบ้าน
เธอทำจิตใจให้ไม่ร้องไห้ เพื่อจะไปทักทายเหล่าผู้คนที่มารอรับเธอกลับบ้าน
เเละก็มาถึงที่พัก เป็นเเคร่ไม้ที่พ่อเเม่เตรียมไว้ให้เธอนั่ง ในใจร้องไห้ตลอด เเต่ทำหน้ายิ้มเเละพูดคุยกับผู้คนเหล่านั้น เธอบอกตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ เพราะร้องมาเยอะเเล้ว เเต่สุดท้าย ผู้คนที่มารอรับเธอร้องไห้เมื่อเดินเข้าใกล้เธอ เเละก็ร้องตามๆกันไป ทุกคนเดิมมากุมมือเเละมากอดเธอ เพื่อให้กำลังใจ วันนี้ทั้งวันเธอต้องรับเเขกที่มาเยี่ยมเธอ ทำให้เธอเหนื่อยเเละหลับไปในที่สุด
เเละเเล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด
เป็นเช้าที่วุ่นวาย ไม่มีความสะดวกสบายเหมือนห้องเล็กๆที่เธอเคยอยู่
ในขณะที่เธอยังนอนอยู่ที่นอน เป็นเวลาที่เธอตื่นมาเเล้วต้องอาบน้ำตามปกติของเวลาที่อยู่ห้องพักฟื้นพิเศษ
ซึ่งพี่พยาบาลจะเป็นคนดูเเล เเล้วนี่จะต้องทำอย่างไร
เธอต้องตื่นขึ้นเเละกระโดดลงจากที่นอน
มีเเม่คอยประครองเพื่อไปเข้าห้องน้ำทำกิจวัติในห้องน้ำ "คิดในใจ ทำไมชีวิตต้องเป็นเเบบนี้ด้วย
ทำไมช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้" กิจวัติในห้องน้ำเเม่ต้องทำให้ตลอด
ใจร้องไห้อีกเเล้ว พักหลังเวลาร้องไห้เธอจะพยายามไม่ร้องให้คนในครอบครัวเห็น
ทุกสิ่งอย่างพ่อเเม่จะเป็นคนทำให้ เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ขณะอยู่บ้านสิ่งที่เธอทำคือการกระโดด เเละฝึกใช้ไม้ค้ำยัน ซึ่งไม่ได้ง่าย เเขนข้างที่หักยังคงใส่เผือก การต้องใช้ไม้ค่ำยันจึงเป็นเรื่องที่ยาก
อารมณ์เศร้า หงุดหงิด
โมโหให้ตัวเอง ท้อเเท้ น้อยใจ เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆในเเต่ละวัน
เธอต้องเห็นคนที่เธอรักทำทุกอย่างให้เธอ เธอนั่งมองเเม่ซักผ้าให้
นั่งมองเเม่ทำกับข้าว นั่งมองพ่อยกข้าวมาให้กิน นั่งมองพ่อตักน้ำมาให้ดื่ม
เป็นภาพที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้น ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านั้นเธอต้องเป็นคนทำ เป็นภาพที่เธอเห็นเเล้วทำให้เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่
เธอไม่อยากทำให้พ่อเเม่ต้องลำบากเพราะเธอ เธอคิดท้อเเท้ในชีวิตมาก
คิดด้วยว่าจะฆ่าตัวตายเเต่เธอก็ไม่ทำเพราะเธอกลัวตัวเองเป็นบาป จึงทำให้เธอตั้งใจมีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัว ทุกๆวันเธอจะพยายามทำตัวให้เเข็งเเรง ทำใจให้ยอมรับสภาพที่เป็นอยู่
พยายามให้กำลังใจตัวเองเพื่อให้หายเร็วๆ พยายามปรับสภาพที่เป็นอยู่ให้เข้ากับสภาพ เเวดล้อม เเละครอบครัวก็พยายามปรับสภาพเเวดล้อมเพื่อให้เข้ากับเธอ
ชีวิตที่เหลืออยู่เธออยู่เพื่อครอบครัว
เธอตั้งใจจะไปเรียนต่อให้จบ วันนี้เธอโทรติดต่อไปทางมหาวิทยาลัย
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยได้ติดต่อคุยกับพ่อเเละเเม่ของเธอ
ทางมหาวิทยาลัยบอกว่าจะให้เธอดรอปเรียนเพื่อให้เธอหายดี ให้มีสภาพร่างกายเเละจิตใจดีขึ้น
อีกทั้งทางมหาวิทยาลัยจะจัดเตรียมสถานที่เรียนเพื่อให้เข้ากับเธอ
ส่วนเม่ของเธอพูดกับเธอเลยว่า ต้องการให้เธอหยุดเรียน นั้นทำให้เธอเสียใจมาก
เธอไม่อยากอยู่บ้าน เธอไม่อยากหยุดเรียน เธอต้องการไปเรียน เธอจึงโทรกลับถึงทางมหาวิทยาลัย พูดคุยให้ทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้เธอได้ไปเรียน เธอขอเรียนเเบบ ขอเอาเอกสารมาอ่าน ขอเอางานมาทำที่ห้อง ถึงเวลาสอบเธอจะไปสอบ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้อนุญาตตามที่เธอขอ กลับมาที่เเม่
เเม่ของเธอเมื่อรู้ว่าเธอดื้อที่จะไปเรียน รู้สึกไม่ชอบใจ
เเม่เป็นห่วงในทุกๆเรื่อง เเม่บอกกับเธอว่า แม่อยากดูเเลเธอ
ให้เธออยู่บ้านไม่ต้องทำอะไร ทุกสิ่งอย่างแแม่จะทำให้ เเม่มีความสุขที่ได้ทำให้
เเต่เเม่หารู้ไม่ว่า คำพูดนั้นมันทำเธอต้องเสียใจมากขึ้นไปอีก เธอรู้ว่านั่นเป็นความสุขเเละความหวังดีของเเม่ เเม่อยากให้เธอสบาย เเต่สิ่งที่เเม่พูดเเละต้องการจะทำให้เธอนั้น
มันทำให้เธอจะไร้ความสามารถเเละไม่กล้าอยู่สู้โลกภายนอก เธอจะเป็นคนที่อ่อนเเอ
ท้ายที่สุดก็จะเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าวันใดที่เเม่จากเธอไป เเล้วเธอจะทำอย่างไร เธอพยายามบอกเเม่ว่า เธอจะทำได้ในทุกๆสิ่งที่เคยทำเเต่เธอขอเวลา นั่นทำให้เเม่เงียบเเละไม่พูดอะไรอีก เเม่รู้ว่ายังไงเธอก็จะไปท้ายที่สุดเเม่ต้องตามใจเธอเเละปล่อยให้เธอไปเรียน
ทั้งคู่จึงสร้างข้อตกลงกัน
เเม่บอกว่าเเม่จะไปอยู่ดูเเลที่มหาวิทยาลัยจนกว่าเธอจะเรียนจบ เธอบอกว่า
เธอจะให้เเม่อยู่เเค่สองเดือน ภายในสองเดือนถ้าเธอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เเละอยู่ไม่ได้เธอจะกลับมาอยู่บ้านให้เเม่ดูเเล นั่นทำให้เเม่ไม่ยอมรับข้อตกลง
เธอจึงตกลงตามข้อตกลงของเเม่เพื่อที่เธอจะได้ไปเรียนต่อ
ยอมให้เเม่อยู่ด้วยจนกว่าจะเรียนจบ เเต่ในใจเธอเมื่อครบสองเดือน
เมื่อทุกอย่างลงตัวตามที่เธอคิดเธอจะให้เเม่กลับมาอยู่บ้าน เธอต้องการเข้มเเข็งเพื่อตัวเธอเอง
จากวันนี้ไปเธอก็จะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มาก พยายามทำจิตใจให้เข้มเเข็ง
รักษาร่างกายให้หายเพื่อรอวันที่มหาวิทยาลัยจะเปิดภาคเรียน
กำลังใจเป็นยาวิเศษ
กำลังใจพิเศษจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และอาจารย์
กำลังใจของเพื่อนสนิทเละพี่สนิท ขอเอ๋ยชื่อเพื่อน
เพื่อนคนนี้ชื่อ ลักกี้ เป็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอกับลักกี้อยู่บ้านใกล้กัน
เรียนอนุบาลมาด้วยกัน มหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกัน
เธอกับลักษณ์ต่างคนต่างดูแลกันมาตั้งแต่เล็ก เวลาที่เธอป่วย เขาจะไปเยี่ยมเธอ
เวลาเขาป่วย เธอจะไปเยี่ยมเขา มีอะไรคอยแบ่งปันกันมาตลอด
จากวันนั้นวันที่เกิดเหตุร้ายกับเธอ เธอเห็นน้ำตาของเขา ตั้งแต่ที่เขาเห็นพยาบาลเข็นเธอลงจากรถโรงพยาบาล
เขากับเพื่อนอีกคนชื่อ อ๋อม วิ่งเข้ามาอยู่ข้างเตียงจับมือเธอ พูดกับเธอ
ทั้งพูดทั้งร้องไห้ เพราะกลัวว่าเธอจากไป เธอก็ไม่ต่างจากเพื่อนร้องไห้เสียใจ กลัวจะได้เห็นหน้าเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย
ฟื้นจากฝันร้ายลืมตาขึ้นมา เธอก็ยังเห็นหน้า ลักกี้ อ๋อม ตามมาด้วย เดียร์
นิ และอ้น เธอดีใจที่เพื่อนอยู่กับเธอ และหลังจากนั้น
เพื่อนๆและพี่ๆคนอื่นๆ เมื่อรู้ข่าวตากตกใจรีบเดินทางมาเยี่ยม มาให้กำลังใจ
บางคนที่ไม่ได้มาเยี่ยม ก็ส่งช่อดอกไม้แทนความห่วงใย ส่งข้อความ ส่งเสียงผ่านโทรศัพท์มาเพื่อให้กำลังใจ
ให้รู้ว่าเป็นห่วงเธอ การส่งกำลังใจมาในแต่ละครั้งมีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ไปกับเธอ
เธอเข็มแข็งขึ้นเรื่อยๆตามลับดับ เธอขอขอบคุณและขอบใจทุกกำลังใจ
ทุกความห่วงใยที่มอบให้กับเธอ สำหรับ ลักกี้เธอขอบใจมากเป็นพิเศษ ตลอดเวลาที่เธออยู่ในโรงพยาบาล
เขาจะมาเยี่ยมเธอทุกวัน มาอยู่เป็นเพื่อน บางวันมา ได้เยี่ยมไม่ถึงสิบนาที
บางวันมาแล้วไม่ได้เข้าเยี่ยมแต่เขาก็ยังมา มาพูดคุย มาบอกให้กินข้าว
มากินข้าวเป็นเพื่อน ซื้อผลไม้ที่อยากกินมาฝาก
เอาหนังมาเปิดให้ดู มานั่งเฝ้าเวลาเธอหลับ มารอหยิบจับเวลาเธออยากได้อะไร
ระหว่างที่พ่อกับแม่ไม่ว่าง
ขณะที่อยู่บ้าน
เธอขอบใจเป็นพิเศษ เดียร์ อ๋อม ลักกี้ เพื่อนคนอื่นๆเเละพี่ๆที่เข้ามาเล่นด้วยทุกวัน เอาหนังมาเปิดดูเป็นเพื่อน
มาทำให้หัวเราะ มาพูดคุยให้ไม่ให้คิดมาก มากินข้าวเป็นเพื่อน มาทำให้วันๆหนึ่งผ่านไปเร็วขึ้น
วันไหนที่ไม่มีเพื่อนๆ พี่ๆ วันนั้นจะเป็นวันที่ยาวนานของเธอ เธอจะคิดฟุ้งซานทั้งวัน
กำลังใจของคุณเหมดเเละพี่สาวฝั่งคุณเหมด พูดถึงคุณเหมด
เธอชื่อ ออย เพื่อนสาวที่สวยและน่ารัก เมื่อเธอทราบข่าวจากลักกี้
เธอตกใจมากไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทราบภายหลังจากคุณแม่ของเธอ คุณแม่บอกว่าหลังจากวางโทรศัพท์จากใครไม่รู้
เธอเอาแต่ร้องไห้ ปล่อยให้พ่อและแม่ถามว่าร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทำให้พ่อและแม่ตกใจตาม
แม่บอกให้เธอตั้งสติ เมื่อเธอได้สติ แต่เอ่ยชื่อเพื่อนเหมดของเธอว่า น้ำน้ำ อยู่นาน และก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ตามที่ได้รับข่าวร้ายจากลักกี้
เธอทำใจอยู่นาน และจึงโทรกลับมาถามข่าวจากเพื่อเหมดของเธอ เพื่อเหมดของเธอเมื่อเห็นสายเข้า
นั่นเป็นสายของคุณเหมด เธอรับสายและก็ได้แต่ร้องไห้ ขณะที่ต้นสาย(คุณเหมด)ก็คอยพูดให้กำลังใจและถามถึงอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เธอร้องไห้ไปและบอกอาการว่า ปวดแผล ต้นสายก็คุยปลอบให้กำลังใจ และในวันต่อมา
ก็มีกระเช้าดอกไม้จากคุณเหมด เมื่อปลายทางได้รับ นั่นทำให้เธอยิ้มและรู้สึกขอบใจคุณเหมดที่ไม่ทิ้งเธอ
ยังคอยให้กำลังใจและห่วงใยกัน ถึงไม่ได้มาเยี่ยมด้วยตัวเองเนื่องจากระยะทางที่ไกลกัน
แต่สิ่งแทนเธอนั้น ก็ทำให้อีกคนได้รับรู้ถึงกำลังใจที่ส่งให้ และจะตามมาด้วยข้อความคอยให้กำลังใจตลอดเวลา พูดถึงข้อความก็ตามมาด้วยข้อความให้กำลังใจ
ถามถึงอาการ จากพี่ๆหลายคนที่รักและเป็นห่วงเธอ เธอขอบคุณและขอบใจทุกๆกำลังใจที่ส่งให้เธอ
ทุกๆกำลังใจเป็นยาวิเศษที่ทำให้เธอเข้มแข็ง
กำลังใจจากทางคณะเกษตรศาสตร์พร้อมด้วยสาขากีฏวิทยา
สาขาที่เธอศึกษาอยู่ เเละกำลังใจจากทางชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อได้รับรู้ข่าวร้าย
ต่างก็ไม่นิ่งเฉย มีเสียงโทรศัพท์ดังเรื่อยๆจากเพื่อนๆ ทางคณะ เพื่อนๆทางสาขา เพื่อนๆพี่ๆ
น้องๆทางชมรม รวมทั้งอาจารย์ ที่โทรเข้ามาถามถึงอาการและให้กำลังใจในเบื้องต้น
ภายหลังเมื่อรู้ถึงอาการทางคณะ ทางสาขา และทางชมรม ก็มีตัวแทนเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจถึงโรงพยาบาล เธอขอขอบคุณและขอบใจทุกๆกำลังใจที่ส่งถึงเธอ ขอบคุณเสียงหัวเราะที่สร้างขึ้น ขอบคุณน้ำตาที่ร้องไห้ไปด้วยกัน ถึงวันนี้วันที่เธออ่อนแอ
ท้อแท้ หมดความหวัง ทำให้เธอรู้ว่าทุกคนยังรักและจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสถานะไหน เเต่ทุกคนก็ยังงมองว่าเธอคือเธอคนเดิม







ฝากคอมเม้นไว้ได้น๊ะค๊ะ
ตอบลบสู้ๆนะ ยิ้มเข้าไว้
ตอบลบ